16 กันยายน 2552

ระวัง!!! ไวรัสปลอมตัวเป็น"แอนตี้ไวรัส"

รายงานข่าวล่าสุด ผู้พัฒนาไวรัสกำลังนิยมใช้วิธี"ปลอมตัว"ให้ผู้ใช้เข้าใจผิด เพื่อแพร่กระจายตัวมันไปยังคอมพิวเตอร์นับล้านเครื่องทั่วโลก โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อไวรัสมักจะหลงเชื่อว่า มันเป็นซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสตัวจริง

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า พบสปายแวร์ปลอมตัวเป็นแอนตี้สปายแวร์ชื่อว่า PC Antispyware 2010 ล่าสุด Personal Antivirus เป็นไวรัสัพันธุ์ใหม่ที่หลอกผู้ใช้ว่า มันเป็นซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส ซึ่งมีหน้าตาอินเตอร์เฟซละม้ายคล้ายคลึงผลิตภัณฑ์ของไซแมนเทค (Symantec) ผสมๆ กับตัวอื่นๆ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ ในขณะที่ความจริงมันเป็น "ไวรัส"


สำหรับ การหลอกให้เหยื่อตายใจก็ยังคงเป็นวิธีเดิมๆ นั่นก็คือ ป๊อปอัพหน้าอินเตอร์เฟซขึ้นมาแจ้งว่า คอมพิวเตอร์ของคุณติดไวรัส พร้อมทั้งย้ำให้คุณรีบแก้ไขโดยด่วน ด้วยการติดตั้งตัวมัน(มัลแวร์)เข้าไป "โดยทัี่วไป ผู้ใช้จะได้รับหน้าต่างป๊อปอัพขนาดใหญ่ พร้อมกับร้องขอให้คุณจ่ายค่าบริการเพื่อกำจัดไวรัสภายในเครื่อง โดยป้ายเตือนที่ปรากฎขึ้นมาจะมีขนาดใหญ่มากๆ โปรดระวัง ถ้าคุณคิดจะจ่ายค่าบริการกำจัดไวรัสจากบริการ(ที่โผล่พรวดพราด)ลักษณะนี้" Manney "Papageek" Lloyd ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ กล่าว


Lloyd แนะนำว่า ไม่ควรเปิดไฟล์แนบอีเมล์จากผู้ส่งที่คุณไม่รู้จัก และควรรันซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสอย่าง AVG หรือ Malware Bytes ข้อสังเกตก็คือ สำหรับซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสตัวจริงจะใช้หน้าต่างแจ้งให้ทราบว่าใกล้หมดอายุ สมาชิกแล้วเท่านั้น แต่จะไม่แสดงพร้อมพ์ขึ้นมาให้คุณ sign up ทันที


ข่าวจาก www.arip.co.th วันที่ 16 กันยายน 2552

10 กันยายน 2552

Intel Core i5 โพรเซสเซอร์ปฏิวัติพีซี

ในทีสุด อินเทล (Intel) ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Core i5 โพรเซสเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ปฏิวัติโลกพีซีให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะการทำงานด้วย 4 แกนหลักที่มากกว่าโพรเซสเซอร์ปัจจุบันถึง 2 เท่า ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีการผลิตโพรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์กับชิปตัวนี้ ยิ่งทำให้ผู้ใช้พีซีทั้งเดสก์ทอป และแลปทอปได้มีโอกาสใช้พลังประมวลผลอันทรงประสิทธิภาพ (แรง เร็ว มัลติทาสก์ ไม่ร้อน และประหยัดพลังงาน) สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ถึงเวลาแล้วที่คุณผู้อ่านควรจะได้ทำความรู้จักกับ Core i5 มากกว่าแค่ชื่อของมันเท่านั้น

ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีในสมัยนั้นจะสามารถบีบอัดทรานซิสเตอร์กว่า 3 ล้านตัวให้เข้าไปอยู่ในชิปขนาดเล็ก เพื่อให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ (จากตู้เมนเฟรมขึ้นมาอยู่บนโต๊ะทำงาน) โดย "ทรานซิสเตอร์" ที่อยู่ภายในจะทำหน้าที่เหมือนสวิทช์ขนาดจิ๋วสามารถเปิดปิด เพื่อสร้างสัญญาณไฟฟ้า 1 และ 0 แทนข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผล และยิ่งนานวันพวกมันจะถูกบีบอัดให้มีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งเล็กลงได้มากเท่าไร นั่นหมายถึง ชิปประมวลผลก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลผลมากขึ้นเท่านั้น และนั่นคือ ก้าวแรกของโพรเซสเซอร์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหลายล้านเครื่องทั่วโลก

แต่ สำหรับ Core i5 โพรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดที่อินเทลได้เปิดตัววันนี้ ภายในของมันมีทรานซิสเตอร์อยู่มากถึง 731 ล้านตัว (ประมาณ 244 เท่า เทียบกับสี่สิบปีที่แล้ว) ที่วางเรียงชิดติดกันอยู่ภายในชิปที่มีขนาดแค่ครึ่งหนึ่งของสแตมป์ และด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ในการออกแบบและพัฒนาชิปตัวนี้ อาจถือได้ว่า Core i5 เป็นตัวแทนของเดส์กทอปพีซียุคใหม่ก็ว่าได้ แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อินเทลได้พัฒนาโพรเซสเซอร์ให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ Core i5 จะมีพัฒนาการที่ถือว่า เป็นการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการออกแบบโพรเซสเซอร์ เนื่องจากมันมีการเปลี่ยนแปลงในการออกแบบถึง 9 ส่วนสำคัญๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ใช้ใน Core i5 ซึ่งปกติจะพบได้ในเซิร์ฟเว่อร์ระดับไฮเอ็นด์เท่านั้น แต่วันนี้มันได้มาอยู่บนโต๊ะ (desktop) หรือบนตัก (laptop) ของผู้ใช้แล้ว

ใน ส่วนของสถาปัตยกรรมทีใช้ในการพัฒนาโพรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ วิศวกรของอินเทลใช้โค้ดเนมว่า "Lynnfield" (อยู่ในตระกูลเดียวกันกับ Nehalem) ซึ่งได้รับการพัฒนาครั้งแรกเพื่อใช้กับโพรเซสเซอร์ Core i7 โพรเซสเซอร์รุ่นพี่ที่มีพลังประมวลผลระดับไฮเอ็นด์ (พอๆ กับราคา) สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และเดสก์ทอปเวิร์กสเตชั่นอันทรงพลัง โดย Core i5 ได้ใช้โครงสร้างของสถาปัตยกรรมภายในที่สำคัญๆ จากโพรเซสเซอร์ Core i7 การใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 45nm (จากเดิม 65nm) ทำให้สามารถเพิ่มทรานซิสเตอร์เข้าไปในชิปได้อย่างมหาศาล และผลจากการลดขนาดของทรานซิสเตอร์ลงได้อีก ทำให้การเชื่อมต่อการทำงานระหว่างทรานซิสเตอร์สั้นลง และเร็วขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้สามารถประมวลผลข้อมูลต่อวินาทีได้มากขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อที่สั้นลง เร็วขึ้น ของการทำงานระหว่างทรานซิสเตอร์ ยังช่วยประหยัดพลังงานลงได้มากอีกด้วย

สำหรับระบบการทำงานของ Core i5 จะมาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ 4 แกน (เปรียบเทียบกับรถยนต์ทีมี 4 เครื่องยนต์ก็ได้) ต่อชิป ซึ่งมากกว่าถึงสองเท่าของชิปเดสก์ทอปในปัจจุบัน (dual-core) อย่างไรก็ตาม Core i5 จะไม่มีไฮเปอร์เธรดดิ้งแบบ Core i7 โดยโครงสร้างของ Core i5 จะเป็น Quad-Core 4-thread

คอมพิวเตอร์ ที่ใช้โพรเซสเซอร์ Core i5 จะสามารถทำงานอย่างเช่น การแก้ไขวิดีโอไฮเดฟฯ บริการวิดีโอแชตผ่านสไกป์ที่สามารถเห็นภาพเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล (ไม่กระตุก) แม้ว่ากำลังเพิ่มเพลงเข้าไปในไลบรารี่ของไอจูนส์อยู่ในขณะนั้นก็ตาม นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ และระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ ก็ยังได้รับการปรับแต่งการทำงานให้ใช้ข้อได้เปรียบของความสามารถของมัลติ คอร์ และมัลติเธรดดิ้งอีกด้วย แอ๊ปเปิ้ลเพิ่งออก Snow Leopard Mac OS X 10.6 ส่วนไมโครซอฟท์ก็เตรียมเข็น Windows 7 ออกมา ซึ่งทั่งคู่สามารถทำงานร่วมกับ Core i5 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นอก จากนี้ภายใน Core i5 ยังมีโหมดเทอร์โบที่สามารถเร่งการทำงานได้เร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย โดยสามารถเรียกใช้กับการประมวลผลงานหนักๆ ได้ แถมยังสามารถตัดสินใจเลือกใช้จำนวนคอร์ทีเหมาะสมกับงานได้อีกต่างหาก ซึ่งทำให้มันไม่ต้องใช้เอ็นจิ้นทั้งสี่แกนตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อใช้งานทั่วไปอาจจะเหลือแค่ Core เดียวก็ได้ (นับเป็นโพรเซสเซอร์ที่สามารถบริหาร Core ได้ราวกับเปลี่ยนเกียร์คันเร่งของรถยนต์) ผลจากความฉลาดในการประมวลผลดัง กล่าว ทำให้มันสามารถเร่งเครื่องจากความถี่ในการทำงานที่ 2.8GHz เป็น 3.2GHz ได้ เมื่อระบบต้องการในขณะที่ระบบยังคงทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ

จาก พี่ใหญ่ Core i7 มาสู่น้องคนรองอย่าง Core i5 ในต้นปีหน้า ผู้ใช้ยังจะได้พบกับน้องคนเล็กอย่าง Core i3 ที่จะตามออกมา ซึ่งผู้บริหารอินเทลกล่าวว่า มันเหมาะกับผู้ใช้ในกลุ่ม entry level แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังทรงพลังด้วยสถาปัตยกรรมใหม่นั่นเอง การใช้ชื่อเรียกโพรเซอร์ด้วย Core ในลักษณะนี้ (ทั้ง Core i7, Core i5 และ Core i3) ก็เพื่อแก้ปัญหาความสับสนในโลโก และผลิตภัณฑ์ Core 2 ที่ออกมามากมายก่อนหน้านี้ สำหรับโพรเซสเซอร์ Atom ที่ใช้กับเน็ตบุ๊กก็จะยังคงได้รับการพัฒนาต่อไป ตามด้วย Celeron และ Pentium ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับตลาดผู้ใช้ในวงกว้าง


ข้อมูลจาก Sydney Morning Herald


ข่าวจาก www.arip.co.th วันที่ 8 กันยายน 2552

03 กันยายน 2552

สิ่งประดิษฐ์มีชีวิตจากฮาร์ดิสก์เก่า

เผยนวัตกรรมใหม่แผ่นฮาร์ดิสก์เก่าสร้างของเล่นมีชีวิตได้กว่า 20 ชนิด เน้นเป็นสื่อเรียนรู้เพิ่มความเข้าใจวิชาวิทย์ฯเทคโนระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน พร้อมสนับสนุนเยาวชนฝึกคิดประดิษฐ์ของเล่นใช้เอง





ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมคณะวิจัยนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เพื่อการเรียนรู้ สังกัดกระทรวงกลาโหม เล็งเห็นความสำคัญของการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ จึงได้ประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยส่งเสริมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา มีความรู้ควบคู่จินตนาการ และสร้างเสริมการเรียนรู้ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนให้เข้าใจกันยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งเป็นวิชาที่เข้าใจยากให้ง่ายขึ้น ผ่านแผ่นฮาร์ดดิสก์ที่ไม่ใช้แล้วหรือเสีย นำมาประดิษฐ์เป็นของเล่นสำหรับเด็ก ถ้าพิจารณาชิ้นส่วนหลักในฮาร์ดิสก์ แต่ละตัวจะประกอบด้วย 4-5 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกคือ แผนวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แผ่นฮาร์ดดิสก์ มอเตอร์สำหรับหมุนแผ่นฮาร์ดดิส หัวอ่านหรือแขนอ่าน และ แม่เหล็กถาวรความร้อนสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากส่วนประกอบทั้งหมดนำสองส่วนสุดท้ายคือหัวอ่านหรือแขนอ่านและแม่เหล็กถาวร ความร้อนสูงนำมาเช่ือมต่อแบบอนุกรมกันเพื่อให้ขดลวดที่อยู่ในหัวอ่านทำปฎิ กิริยาให้เกิดสนามแม่เหล็ก ส่งแรงไปดึงพลังงานหรือผลักดันร่วมกับสนามแม่เหล็กของแม่เหล็กถาวรทำให้ชิ้น ส่วนดังกล่าว เคลื่อนที่ไปมาได้ตามความแรงของกระแสไฟฟ้าที่ป้อนเข้าไปยังขดลวด จึงสามารถนำไปเป็นกลไกที่บังคับด้วยไฟฟ้ากับงานต่าง ๆ ได้หลายชนิดช่วยให้ของเล่นธรรมดากลายเป็นของเล่นที่มีชีวิต สามารถขยับไปมาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของเล่นดังกล่าวช่วยส่งเสริมให้การเรียนระหว่างผู้ เรียนกับผู้สอนเข้าใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และคณิตศาสตร์ ที่ช่วยส่งเสริมให้เยาวชนเกิดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาก ขึ้น ฝึกคิดฝึกปฎิบัติ ทดลองประดิษฐ์คิดค้นของเล่นต่างๆ จากฮาร์ดดิสก์ที่เสียหรือชำรุดมาสร้างประโยชน์ใหม่ที่มีคุณค่า มากกว่าการนำทิ้งขว้างหรือไปขายเป็นเศษเหล็กที่มีค่าเพียง 50 - 80 บาท จากท่ีราคาตัวละ 2- 3 พันบาท ซึ่งถ้านำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ไม่เผาหรือหลอมละลาย จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ แม้ว่าจะเล็กน้อยแต่ถ้าใช้งานกันเป็นวงกว้างจะก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น กับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ อุปกรณ์สำคัญในฮาร์ดดิสก์ที่ถอดแล้ว ประกอบด้วยขดลวดที่ติดอยู่กับแขนอ่านและแม่เหล็กถาวรคุณภาพสูง สามารถนำไปประดิษฐ์เป็นของเล่น เครื่องมือ เครื่องใช้ได้มากกว่า 20 ชนิด สร้างให้นักประดิษฐ์รุ่นเยาวชนได้เกิดจินตนาการ ความร่วมมือของหมู่คณะ หรือ เกิดเป็นเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับใช้ทดลองในห้องเรียนสำหรับรุ่นต่อ ๆ ไป


ข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์ โดย ทีมข่าวไอทีออนไลน์ วันที่ 2 กันยายน 2552