24 ตุลาคม 2552

Windows 7 กับคุณสมบัติเด็ดที่น่าใช้

รายงานข่าวล่าสุด เมื่อวานนี้เป็นวันเปิดตัว "วินโดวส์ 7" (Windows 7) ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ทั่วโลกมากพอสมควร ด้วยเหตุผลสำคัญก็คือ มันใช้งานง่ายกว่าเดิม ทำงานได้เร็วขึ้น อีกทั้งคุณสมบัติการทำงานใหม่ๆ ของโอเอสรุ่นนี้ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย (เมื่อเทียบกับ Vista) เพื่อเป็นการต้อนรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 เรามาทำความรู้จักกับคุณสมบัติที่ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบ Windows 7 กันดีกว่า

ประการที่ 1: ไร้กังวลเรื่องไดรเวอร์ไม่ครบ หลังจากติดตั้ง Windows 7 ผู้ใช้จะพบว่า พวกเขาไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์ของฮาร์ดแวร์เพิ่มแต่อย่างใด เนื่องจากไดรเวอร์แทบทุกตัวได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการแล้ว และในกรณีที่คุณจำเป็นต้องอัพเดตไดรเวอร์ ผู้ใช้ก็จะสามารถทำได้ทันทีโดยไม่สับสนกับ Windows Update อีกต่อไป ผู้ใช้ Windows 7 ส่วนใหญ่รู้สึกแฮปปี้ที่ไม่ค่อยได้เห็นไอคอนประหลาดๆ คอยแจ้งว่า ฮาร์ดแวร์ขัดแย้งการทำงานกับไดรเวอร์ในหน้าต่าง Device Manager

ประการที่ 2: บันทึกปัญหาที่เกิดขึ้นส่งให้เซียนช่วยวินิจฉัยได้ คุณสมบัติข้อนี้น่าสนใจมาก เพราะมันสามารถช่วยคุณบันทึกปัญหาที่พบใน Windows 7 ได้ ซึ่งหากแก้ไขด้วยตัวเองไม่เป็น ผู้ใช้ก็สามารถส่งไฟล์บันทึกปัญหาที่เกิดขึ้นไปให้ใครที่มีประสบการณ์ มากกว่าช่วยแก้ให้ได้อีกด้วย โดยสิ่งที่ผู้ใช้ต้องทำคือ เปิดโปรแกรม Problem Steps Recorder แล้วคลิกปุ่ม Record หลังจากนั้นหน้าจอจะถูกเก็บ(capture)ทุกๆ ครั้งที่คลิกเมาส์ ซึ่งผู้ใช้สามารถแทรกคอมเมนต์ปัญหาที่พบเข้าไปได้ด้วย โดยรูปแบบของเอกสารที่สร้างขึนจะเป็นไฟล์ HTML พร้อมภาพหน้าจอขั้นตอนที่เกิดปัญหาและคอมเมนต์ที่คุณพิมพ์เข้าไป ไฟล์ทั้งหมดจะถูกบีบอัดเป็นไฟล์ ZIP ไว้บนเดส์ทอป เพื่อแนบส่งไปกับอีเมล์ให้ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที

ประการที่ 3: ปักหมุดโปรแกรมใช้บ่อยได้ทั้งในเมนู Start และ Taskbar ในขณะที่ไม่มี Quick Launch Bar ที่ให้ความสะดวกสบายกับผู้ใช้ใน Windows XP ผู้ใช้ Windows 7 สามารถ "Pin" รายการ และโปรแกรมที่ใช้บ่อยไว้บนเมนู Start ได้เช่นเดียวกับบน Taskbar ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก เพียงแค่คลิกขวารายการบน Taskbar แล้วเลือกคำสั่ง "Pin to Start Menu" หรือ "Pin to Taskbar" เท่านี้รายการ หรือโปรแกรมนั้นๆ ก็จะปรากฎ เพื่อรอพร้อมเรียกใช้งานได้ทันที

ประการที่ 4: ระบบสัมผัสหน้าจอที่ใช้ง่าย คำว่า "Touch" เป็นคุณสมบัติใหม่ของส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) ในระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ ที่สนับสนุนโอเอสตัวนี้หลายรุ่นทีเดียวจะมาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัส ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโอเอส และแอพพลิเคชันต่างๆ ได้ด้วยการใช้นิ้วสัมผัสโดยตรงแทนการใช้เมาส์ และด้วยไอคอนบนทาสก์บาร์ทีมีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้สัมผัสด้วยนิ้วของผู้ใช้ได้ ง่ายขึ้นนอีกด้วย ซึ่งประสบการณ์ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วยระบบสัมผัสจะทำให้ผู้ใช้ได้รับ ความสนุกสนาน และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ประการที่ 5: เขียนแผ่นง่ายภายในคลิกเดียว ผู้ใช้สามารถดับเบิ้ลคลิ้กไฟล์ ISO image เพื่อเรียกโปรแกรม Windows Disc Image Burner แล้วเลือกไดร์ฟที่ต้องการให้เขี่ยนแผ่น (ในกรณีที่พีซีของคุณมี burner หลายตัว) และเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า การเขียนแผ่นสมบูรณ์ก็เพียงแค่เช็คบ๊อกซ์หน้าข้อความ "verify disc after burning"

ประการที่ 6: การแสดงพรีวิวหน้าต่างแอพฯที่โดดเด่น ในวิสต้าคุณสามารถพรีวิวหน้าต่างของแอพพลิเคชันต่างๆ บนทาสก์บาร์ได้ด้วยการเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ไปบนนั้น แต่ใน Windows 7 ไม่เพียงแต่แสดงพรีวิวหน้าต่างเล็กๆ ให้ดูได้เท่านั้น แต่คุณยังสามารถดูหน้าต่างเต็มๆ บนโฟร์กราวด์ได้อย่างง่ายดายด้วยการเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ไปบนพรีวิวขนาด เล็ก แถมยังสามารถปิดโปรแกรมผ่านหน้าต่างพรีวิวด้วยการคลิกบนเครื่องหมาย x ที่อยู่มุมบนขวาได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลื่อนดูพรีวิวของโปรแกรมแต่ละตัวบนทาสก์บาร์ได้ด้วยการกดปุ่ม Win+T ได้อีกต่างหาก เจ๋งดีไหมละครับ

ประการที่ 7: Virtual Windows XP สำหรับผู้ใช้ที่ยังคงคิดถึง XP (แต่อยากลืม Vista) ก็สามารถเรียกใช้ XP Mode บน Windows 7 ได้ โดยหลังจากที่ดาวน์โหลดมาติดตั้งเข้าไปแล้ว ผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้แอพพลิเคชัน Windows XP จากภายในเวอร์ชวลแมชีนได้ทันที โดยคุณไม่ต้องออกไปเปิด shell ใหม่จาก Windows XP โดยเฉพาะ

ทั้ง หมดเป็นแค่คุณสมบัติการทำงานบางส่วนที่ผู้ใช้ที่มีโอกาสสัมผัส Windows 7 ก่อนหน้านี้ชื่นชอบ แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับ รู้สึก และคิดเห็นอย่างไรบ้างกับระบบปฏิบติการตัวนี้


www.buzzidea.tv

ข่าวจาก www.arip.co.th วันที่ 23 ตุลาคม 2552

22 ตุลาคม 2552

ไมโครซอฟท์ พร้อมเปิดตัว วินโดวส์ 7 แล้ว

Pic_41380

ยุติ การรอคอยเมื่อระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดของไมโครซอฟท์ เตรียมถูกนำออกวางจำหน่ายทั่วโลกในวันนี้ (22 ต.ค.) เมื่อไทยขายจริง 31 ต.ค.52...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วันนี้ (22 ต.ค.) บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ปอปอเรชั่น ประกาศถึงการเปิดตัวระบบปฏิบัติการล่าสุด วินโดวส์ 7 (เซเว่น) โดยหวังว่า ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์ 7 จะได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้ในทางบวกมากกว่าระบบปฏิบัติการตัวก่อนหน้านี้ หรือ วินโดวส์ วิสตา (Windows Vista) ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในเรื่องของการใช้งานที่ไม่สะดวกมากนัก โดยผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ต่างตอบรับระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์ 7 เป็นอย่างดี

รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการตอบรับดังกล่าวเห็นได้จาก มีคำสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อเมซอน (www.amazon.com) มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใน ทางบวกที่ออกมา เช่น การใช้งานที่ง่าย ไม่พบอาการระบบรวนมากนัก รวมถึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กล้องถ่ายรูป ปรินเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ ทำให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้สะดวกรวดเร็ว

รายงาน ข่าวแจ้งด้วยว่า บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญชวนผู้บริโภคในประเทศไทย ร่วมลุ้นเป็น 1 ใน 777 คนแรกที่จะเป็นเจ้าของผลิตภัณฑวินโดวส์ 7 ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ ในราคาพิเศษครั้งแรกเพียง 2,777 บาท กับเวอร์ชั่น Home Premium ก่อนเปิดตัวจริงทั่วโลก 22 ต.ค. 2552 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 31 ต.ค.นี้ เพียงลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.windows7thailand.com และนำเอกสารยืนยันการลงทะเบียนมาแสดงสิทธิ์ในงานวันเปิดตัววินโดวส์ 7 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 31 ต.ค. 2552 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 โดยต้องเป็น 1 ใน 777 คนแรกที่นำใบลงทะเบียนมายืนยันสิทธิ์ภายในงานตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป


ข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์ 22 ตุลาคม 2552

16 ตุลาคม 2552

Wi-Fi Direct เพชฌฆาต Bluetooth

รายงานข่าวล่าสุด รายละเอียดของข้อกำหนดใหม่ของไวไฟ (Wi-Fi) จะเปิดโอกาสให้อุปกรณ์ไวไฟสามารถค้นหา และเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันเองได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านเราท์เตอร์ (router) ซึ่งนั่นเท่ากับว่า ข้อกำหนดใหม่จะทำให้เทคโนโลยีไวไฟสามารถเข้ามาทำหน้าทีแทนเทคโนโลยีบลูทูธ (Bluetooth) ได้นั่นเอง

ข้อกำหนดดังกล่าวมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ไวไฟไดเร็กต์ (Wi-Fi Direct) ซึ่งประกาสเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยทาง Wi-Fi Alliance กลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมที่โปรโมทเทคโนโลยีนี้ ข้อกำหนดของไวไฟไดเร็กต์จะช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ไร้สายโดยตรงทำ ได้ง่ายขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีไวไฟ แน่นอนว่า ข้อกำหนดใหม่นี้ย่อมจะท้าทายเทคโนโลยีไร้สายอย่างบลูทูธทีมีฟังก์ชันลักษณะ การทำงานเดียวกันนี้อยู่แล้ว

วิธีการทำงานของ Wi-Fi Direct ก็คือ มันจะเปิดโอกาสให้อุปกรณ์ไวไฟอย่างเช่น มือถือ กล้องดิจิตอล เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด และเฮดโฟน สามารถเชื่อมต่อระหว่างกันกับอุปกรณ์ไวไฟอื่นๆ ทีละตัว หรือหลายตัวพร้อมกันได้ ซึ่งในข้อกำหนดยังระบุว่า การเชื่อมต่อไร้สายที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนที่ความเร็วของอัตราส่งข้อมูล (data rate) มาตรฐานเดียวกันกับไวไฟ โดยสามารถเชื่อมต่อกันได้ในระยะห่างประมาณ 100 เมตร ด้วยข้อกำหนดดังกล่าวทำให้อุปกรณ์ไวไฟสามารถใช้บรอดแบนด์ไร้สายแทนการเชื่อม ต่อด้วยบลูทูธได้ อีกทั้งยังลดความจำเป็นที่จะต้องใช้เราท์เตอร์ลงอีกด้วย เนื่องจากข้อกำหนดนี้จะเปลี่ยนให้แก็ดเจ็ต (gadget) กลายเป็น"แอคเซสพอยนต์ไวไฟ"ขนาดเล็กนั่นเอง ซึ่งนั่นหมายความว่า เราอาจจะลดความจำเป็นที่ต้องใช้เราท์เตอร์ได้ในบางจุดของการใช้งาน

ไว ไฟไดเร็กต์จะส่งผลกระทบโดยตรงกับเทคโนโลยีบลูทูธที่ใช้กันอย่างแพร่หลายใน อุปกรณ์ต่างๆ เนื่องจากมันทำหน้าที่ได้เหมือนกัน อย่างเช่น การเชื่อมต่อระหว่างหูฟังกับเครื่องเล่นเอ็มพีสาม หรือมือถือ อีกทั้งยังสามารถให้การเชื่อมต่อไร้สายความเร็วสูงระหว่างอุปกรณ์ได้เหมือน กันอีกด้วย แม้การเชื่อมต่อไร้สายแบบ Ad hoc จะมีอยู่แล้วในมาตรฐาน ไวไฟปัจจุบัน แต่ข้อกำหนดของไวไฟไดเร็กต์จะใช้งานได้ง่ายกว่า เนื่องจากอุปกรณ์จะสามารถค้นหาซึ่งกันและกัน เพื่อทำการเชื่อมต่อได้นั่นเอง ทางกลุ่ม Wi-Fi Alliance มีแผนที่จะเผยแพร่ข้อกำหนดสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ peer-to-peer ของไวไฟในเร็วๆ นี้ และคาดว่าจะสามารถให้การรับรองอุปกรณ์ทีใช้เทคโนโลยีนี้ได้ในปี 2010

ข้อมูลจาก: ZDnet


ข่าวจาก www.arip.co.th วันที่ 16 ตุลาคม 2552