26 พฤษภาคม 2553

ฮาร์ดดิสก์"ไฮบริด"เร็วกว่า-ราคาไม่แพงฮาร์ดดิสก์

แม้ SSD (Solid State Disk) จะทำงานได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ (HDD) แต่มันก็มีราคาที่แพงกว่าด้วย ทำให้ความนิยมในการใช้ SSD ไม่สูงเท่าที่ควร ล่าสุดซีเกท (Seagate) จับดิสก์ไดรฟ์ทั้งสองมารวมกัน โดยใช้จุดแข็งของประสิทธิภาพในการทำงานที่เร็วกว่าของ SSD ในขณะที่ระดับราคาไม่สูงเกินไปนัก

Momentus XT Hybrid HDD เป็นฮาร์ดดิสก์ SATA ขนาด 2.5 นิ้วที่เร็วทีสุดในโลกสำหรับใช้งานกับแลปทอป โดยทางซีเกทอ้างว่า มันเร็วกว่า HDD ที่ความเร็วรอบ 5,400RPM ถึง 100% หรือเร็วกว่า HDD 7,200RPM ประมาณ 80% ซึ่งความลับของความเร็วที่ได้จาก Momentus XT อยู่ที่เทคโนโลยี Adaptive Memory โดยเป็นการไฮบริดฮาร์ดดิสก์ความเร็วรอบ 7,200RPM ทำงานร่วมกับ NAND flash ขนาด 4GB ด้วยการก็อปปี้ข้อมูลจากดิสก์เข้าไปใน SSD 4GB เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลเร็วขึ้น

Asus เป็นผู้ผลิตโน้ตบุ๊กรายแรกที่ใช้ฮาร์ดิสก์ไฮบริด Momentus XT โดยเป็นอัพเกรดออปชันสำหรับโน้ตบุ๊กรุ่น ROG G73 ซึ่งนอกจากจะอัพเกรดด้วยฮาร์ดดิสก์ที่เร็วขึ้นแล้ว โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ยังมา พร้อมกับซีพียู Intel I7 720Qm Quad-core หน่วยความจำ DDR3 8GB และใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก หรือ GPU เป็น ATI Radeon Mobility HD 5870 อีกด้วย สำหรับฮาร์ดดิสก์ไฮบริด Momentus XT มีให้เลือก 3 ความจุด้วยกันคือ 250GB ($113 หรือประมาณ 3,700 บาท) 320GB ($122 หรือประมาณ 4,000 บาท) และ 500GB ($156 หรือประมาณ 5,000 บาท)



ข่าวจาก arip.co.th วันที่ 24 พฤษภาคม 2553

20 พฤษภาคม 2553

ความจริงเกี่ยวกับ "Flash" จากปาก "Adobe"

หลัง "Apple" ออกแถลงการณ์ "Thoughts on Flash" เหน็บคุณภาพของ Flash "Adobe" จึงอยู่ไม่สุขออกโรงโต้คืนด้วยบทความ "The truth about Flash" เพื่อชี้แจงความจริงจาก Adobe บ้าง ไม่ใช้ฟังจาก Apple ฝ่ายเดียว...

หลัง จาก สตีฟ จอบส์ จากบ้าน Apple Inc. ออกแถลงการณ์ปิดผนึก"Thoughts on Flash" บนเว็บไซต์ apple.com เพื่อแจงเหตุผล 6 ข้อ กรณี ที่อุปกรณ์ไอทีสุดฮิต  iPhone, iPod และ iPad ไม่สนับสนุน Flash ว่า เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่มีระบบแตกต่างกัน โดย Flash เป็นระบบปิด มีข้อบกพร่องทางเทคนิค รวมถึงความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ  อีกทั้งยังไม่สนับสนุนระบบสัมผัส จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ Apple ไม่ยอมให้ Flash มาบั่นทอนคุณภาพของผลิตภัณฑ์นั่นเอง

ส่วนกรณีของการใช้งานวิดี โอบนเว็บต่าง ๆ นั้น  Apple ยืนยันว่า ไฟล์วิดีโอส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อยู่ในรูปแบบ H.264 ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปในการเล่น Blu-ray นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลต่อเนื่องนานกว่า Flash และขณะนี้เว็บไซต์ยอดนิยมก็ปรับมาใช้ H.264 เกือบหมดแล้วเช่นกัน

สุด ท้าย Apple  ตบของแถมให้ Adobe ด้วยว่า หมดยุครุ่งเรืองของ Flash แล้ว และสิ่งที่ Adobe ควรทำนับต่อแต่นี้ไป คือมุ่งเน้นการสร้าง HTML5 สำหรับอนาคต เพื่อยุติการวิจารณ์ Apple ในภายหลัง

เมื่อถูกฝั่ง Apple ตบหน้ามาเช่นนี้ บ้าน Adobe ก็เห็นทีว่าจะอยู่สุขไม่ได้ จึงต้องชี้แจงแถลงไข (หรือจะเรียกว่าแก้ตัว ก็สุดแล้วแต่ใครจะคิด) โดยการส่งบทความ "The truth about Flash" ลงบนเว็บไซต์ adobe.com ซึ่งมีเนื้อหาใจความสำคัญอยู่ 5 ประการ ดังต่อไปนี้...

 "ระบบสัมผัส"

เดิมที Flash ถูกพัฒนามาเพื่อระบบสัมผัสของ Tablet และทุกวันนี้ Flash ก็สนับสนุนการทำงานของอุปกรณ์ระบบสัมผัสอย่างเต็มรูปแบบ

โดย เฉพาะอย่างยิ่ง Flash 10.1 ตัวใหม่ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อระบบสัมผัสโดยเฉพาะ  รวมถึงรองรับระบบ Multitouch อีกทั้งยังมีรูปแบบคำสั่ง ที่นักพัฒนาต้องเรียกใช้เมื่อต้องการเข้าถึงข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือ API

"วิดีโอ"

วิดีโอ 75 เปอร์เซ็นต์บนเว็บไซต์ ต้องเล่นผ่าน Flash รวมถึงการเข้ารหัสวิดีโอ ในตัวแปลงยอดนิยมอย่างเช่น H.264 และ VP6

แม้จะมีการพูดถึงบ่อย ครั้งว่า  H.264 จะทำให้ Flash ตายไปในที่สุด แต่ Flash เป็นมัลติมีเดียสมบูรณ์แบบที่สามารถเล่น H.264 รวมถึงการแปลงสัญญาณอื่น ๆ  ซึ่งนอกจาก Flash จะแสดงวิดีโอคุณภาพสูงแล้ว ยังรองรับเทคโนโลยีหลากหลาย อาทิ Streaming , การปรับ Bitrate อัตโนมัติ (จำนวน bit ที่ถูกประมวลผลในหนึ่งหน่วยเวลา ตามปกติใช้หน่วยวินาที)  และมีการป้องกันความปลอดภัยของเนื้อหาด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าการเล่น วิดีโอความละเอียดสูง (High-definition) ต้องใชงาน CPU หนัก จึงเป็นเหตุผลให้ Flash 10.1 รองรับ hardware-accelerate บนอุปกรณ์มือถือ ซึ่งลงตัวกับรูปแบบคำสั่ง API  ที่มีบน Mac OS X v10.6.3 ซึ่งใช้ GPU ช่วยประมวลผลได้ หมายความว่าการพัฒนา CPU ทั้งสองจะทำให้การเล่นวีดีโอ H.264 ผ่าน Flash บน  Mac เร็วขึ้นมาก และยังช่วยประหยัดพลังงานจากแบตเตอรี่ด้วย

"ประสิทธิภาพ"

เนื้อหา ของ Flash มีการเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับเทคโนโลยีเนื้อหามัลติมีเดีย ที่ต้องการกำลังในการเข้าถึงมากว่าเนื้อหาแบบ HTML ทีมงานของ Flash จึงกำลังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

ทั้ง นี้ Adobe   เพิ่มประสิทธิภาพ Flash 10.1 บนอุปกรณ์มือถือ ครอบคลุมถึงหน่วยความจำ และการเล่นวิดีโอด้วย hardware-accelerate อีกทั้งยังคำนึงถึงถึงการแสดงเนื้อหาบน โทรศัพท์มือถือ  แล็ปทอบ เน็ตบุ๊ก และแท็ปเล็ตด้วยเช่นกัน

"ความปลอดภัย"

ความปลอดภัยเป็นหนึ่ง ในเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับทีมงาน Flash ซึ่งเห็นได้จากรายงานของ Symantec เมื่อปี 2009 ระบุว่า Flash มีข้อบกพร่องน้อยเป็นอันดับสองของเทคโนโลยีบนอินเตอร์เน็ตทั้งหมด รวมถึง Plug-in และเว็บเบราเซอร์ ( ขณะที่สตีฟ จอบส์ จากค่าย Apple อ้างรายงานจาก Symantec เช่นกัน ที่เคยเตือนไว้ว่า Flash มีความปลอดภัยต่ำที่สุดในการบันทึกของปี 2009)

ความสลับซับซ้อนของ ซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย และช่องโหว่ความปลอดภัยเป็นไปได้ในปัจจุบัน แต่ Adobe มีมาตรการลดจำนวนรวมของปัญหา ตลอดจนมั่นใจว่า สามารถแก้ไขปัญหาที่พบ ให้ลดลงได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการปรับปรุง Flash รุ่นใหม่เร็วที่สุด และกำลังดำเนินงานร่วมกับผู้ผลิตเบราว์เซอร์ เพื่อตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Flash  ร่วมกับบรรดาเบราว์เซอร์

"ระบบ เปิด"

Flash เป็นระบบที่เกิดจากความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีระบบเปิด และแบบปิด ซึ่ง Adobe เป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการแต่เพียงผู้เดียว (คล้ายกับ Apple)

ส่วนสำคัญเทคโนโลยีของ Flash  เป็นระบบเปิด อาทิ AVM + เป็นเอ็นจิ้นแบบ Open source และมอบให้กับ Mozilla ซึ่งมีการดูแลอย่างดี สำหรับไฟล์ฟอร์แม็ตที่ Flash รองรับนั้นมีทั้ง SWF และ FLV/F4V ดีเทียบเท่ากับ  RTMP และ AMF ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือใดก็ได้ในการสร้างงาน Flash โดยไม่ต้องใช้ Adobe

ท้ายที่สุด Flash เกิดจากความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีระบบเปิด และระบบที่ Adobe เป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว อาทิการพัฒนา IDEs เช่น FDT, IntelliJ และ haXe ส่วนระบบเปิดแบบรันไทม์ คือ Gnash และระบบเปิดของวิดีโอเซิร์ฟเวอร์นั้นคือ  Red5

นอกจากนี้ Adobe ยังเปิดตัวแคมเปญโฆษณาใหม่ 2 สัปดาห์ หลังจาก สตีฟ จอบส์ลงจดหมายปิดผนึกเรื่อง Thoughts on Flash เพื่อเหน็บเรื่อง Flash ในเว็บไซต์  apple.com ซึ่งเชื่อว่าเป็นการโต้ตอบของ Adobe ต่อ Apple นั่นเอง สำหรับชื่อแคมเปญโฆษณาชิ้นนี้คือ We (love) CHOICE หรือ We (love) APPLE ซึ่งมีข้อความระบุดังต่อไปนี้...





เรารักการสร้าง
เรารักการพัฒนา
เรารักแอพพลิเคชั่น
เรารักเว็บ
เรารัก Flash
เรารักนักพัฒนากว่า 3 ล้านคนของเรา
เรารักการแข่งขันที่มี ศักยภาพ
เรารักหน้าจอสัมผัส
เรารัก HTML5
เรารักอุปกรณ์ทั้งหมด
เรารักแพลตฟอร์มทั้งหมด

"แต่สิ่งที่เราไม่รักก็คือ ใครก็ตามที่จำกัดอิสรภาพในการเลือกว่าจะสรรค์สร้างอะไร อย่างไร และประสบการณ์อะไรที่ได้จากเว็บ"





คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ศึกระหว่าง "Apple" และ "Adobe" ในท้ายที่สุด จะออกมาให้เห็นในรูปแบบใด.

ข่าวจากไทยรัฐออนไลท์ วันที่ 17 พ.ค. 2553

18 พฤษภาคม 2553

'สตีฟ จอบส์' แจง Flash ไม่เหมาะกับ Apple-ระบบสัมผัส

เนื่องด้วยสินค้าของ Apple มาแรงทั้ง iPhone, iPod และ iPad แต่ไม่สามารถใช้งาน Flash ได้จนเกิดคำถามมากมายในกลุ่มผู้ใช้และคนรัก Adobe ล่าสุด 'สตีฟ จอบส์'  แจงด้วยตัวเองว่า เป็นเพราะความแตกต่างทางเทคโนโลยี...

สตีฟ จอบส์ เขียนจดหมายปิดผนึกลงในเว็บไซต์ apple.com เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Adobe และแจงเหตุผลของการไม่มี Flash ในสินค้า iPhone, iPod และ iPad   ว่า ไม่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องเชิงธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่มีระบบแตกต่างกัน โดยจอบส์ อธิบายแจงเป็นข้อ ๆ จำนวน 6 ข้อ ดังต่อไปนี้

1. ระบบ "เปิด"


Flash เป็นผลิตภัณฑ์ของ Adobe ซึ่งเป็นผู้ผูกขาดทางตลาดทั้งหมดของ Flash  ทั้งเรื่องสิทธิ์ ทิศทางโปรแกรมในอนาคต รวมถึงราคาจำหน่าย ฯลฯ หรือที่เรียกว่า ระบบปิด

ด้าน Apple เองก็คล้ายกับ Adobe ในเรื่องของระบบปฏิบัติการบน iPhone, iPod และ iPad ซึ่งเป็นของ Apple เพียงผู้เดียว แต่ทั้งนี้ยังคำนึงถึงมาตรฐานเว็บไซต์ในระบบเปิดมากกว่า Flash อาทิการใช้ HTML5, CSS และ JavaScript ซึ่งเป็นระบบเปิดทั้ง 3 อย่าง

HTML5 เป็นมาตรฐานเว็บไซต์แบบเปิดตัวใหม่ ซึ่งพัฒนาโดย Apple, Google และกลุ่มอื่นๆ โดยเปิดโอกาสให้นักพัฒนาเว็บไซต์ได้สรรสร้างงานกราฟฟิค ไทโปกราฟฟิค แอนิเมชั่น และทรานซิชั่น โดยไม่ต้องพึ่งพา Plug-in เช่น Flash


นอกจากนี้ Apple ยังเริ่มโครงการ Open  source ขนาดเล็ก และสร้าง Webkit ซึ่งเป็นมาตรฐานการแสดงผล HTML5 บนหน้าเว็บ โดยมีหัวใจหลักคือ เว็บบราวเซอร์ "Safari" ที่ใช้กับทุกๆ ผลิตภัณฑ์ และขณะนี้ Webkit ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งบนเว็บบราวเซอร์ Android ของ Google, Plam, Nokia และ RIM ที่เพิ่งประกาศบนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน BlackBerry รวมถึงเว็บบราวเซอร์บนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนอื่นๆ ของ Microsoft ก็ใช้ Webkit เช่นเดียวกัน

2.เว็บเต็มรูปแบบ
Adobe เคยกล่าวไว้ว่า โทรศัพท์มือถือของ Apple นั้น ไม่สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ เพราะว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ของวิดีโอบนเว็บต่างๆ ใช้ Flash แต่ Adobe ไม่ได้กล่าวถึงว่า ปัจจุบันไฟล์วิดีโอส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ H.264 ซึ่งสามารถแสดงผลบน iPhone, iPod และ iPad ได้ ซึ่งตอนนี้วิดีโอของ Youtube ราว 40 เปอร์เซ็นต์เป็นรูปแบบ H.264 แล้ว รวมถึงเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น Vimeo, Netflix, Facebook, ABC, CBS, CNN, MSNBC, Fox News, ESPN, NPR, Time, The New York Times, The Wall Street Journal, Sports Illustrated, People, National Geographic ฯลฯ ก็ปรับมาใช้ H.264 เกือบหมดเช่นกัน

นอกจาก นี้ Adobe ยังวิจารณ์ว่า Apple ไม่สามารถเล่นเกมส์ Flash ได้ แต่ Apple ขอแย้งว่า เรามีอีกกว่า 50,000 เกมส์บน App Store ให้ผู้ใช้งานได้ดาวน์โหลดไปใช้ฟรีๆ

3.ความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ


Symantec เคยเตือนว่า Flash มีความปลอดภัยต่ำที่สุดในการบันทึกของปี 2009 โดย Apple ทราบว่า Flash เป็นหนึ่งเหตุผลในการเกิดปัญหาบนระบบปฏิบัติการของ Mac อย่างไรก็ตาม Apple เคยประสานกับ Adobe เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่เป็นผลจนถึงขณะนี้ ท้ายที่สุด Apple จึงไม่ยอมให้ Flash มาบั่นทอนความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ บนผลิตภัณฑ์ทั้ง iPhone, iPod และ iPad


นอกจากนี้  Flash ยังไม่สามารถแสดงผลได้ดีบนโทรศัพท์มือถือ

4. ความยาวนานของแบตเตอรี่

อายุ การใช้งานของแบตเตอรี่ในการเล่นวิดีโอ หากต้องถอดรหัสการใช้งาน จะทำให้ซอฟต์แวร์ใช้พลังงานเยอะ แต่ในขณะที่ชิพในโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ สามารถถอดรหัสแบบ H.264 ได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปในการเล่น Blu-ray ที่พัฒนาโดย Apple, Google (Youtube), Vimeo, Netflix และอีกหลายบริษัท ส่วน Flash นั้นเพิ่งปรับระบบให้สนับสนุนระบบ H.264 แต่ยังคงต้องการการถอดรหัสแบบเดิม ที่ต้องอาศัยการทำงานของซอฟต์แวร์

สำหรับ ข้อแตกต่างของอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นหากเป็น H.264 ระสามารถแสดงผลต่อเนื่องนาน 10 ชั่วโมง แต่หากเป็น Flash แล้วจะหดสั้นลงเหลือเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น

5.ระบบสัมผัส


Flash ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานรับกับเมาส์ ไม่ได้ทำมาเพื่อระบบสัมผัส ตัวอย่างเช่น หลายเว็บไซต์ที่ใช้ Flash จำเป็นต้องมีการคลิกเมาส์เพื่อตอบรับการปฏิบัติการณ์ แต่การพัฒนาระบบสัมผัสของ Apple ไม่จำเป็นต้องใช้เมาส์
ซึ่งเว็บไซต์ Flash ส่วนใหญ่ จะต้องแก้ไขโปรแกรมใหม่เพื่อให้สนับสนุนกับระบบสัมผัส  จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Apple ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า เช่น HTML5, CSS และ JavaScript

ทั้งนี้ หาก iPhone, iPod และ iPad ใช้ Flash ในตอนนี้ภายภาคหน้าก็ต้องพบกับการแก้ไขปัญหาระบบดังกล่าว

6.ประการสำคัญที่สุด


นอก เหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่า Flash เป็นระบบปิด มีข้อบกพร่องทางเทคนิค  และไม่สนับสนุนระบบสัมผัส เป็นเหตุผลสำคัญที่ Apple ไม่ใช้ Flash บน iPhone, iPod และ iPad

 และยังรวมถึงความล่าช้าของ Adobe ในการพัฒนา แพลตฟอร์มของ Apple ตัวอย่างเช่น Mac OS X 5ถูกนำมาใช้ร่วม 10 ปีแล้ว ซึ่งโดยปกติโปรแกรมที่ทำงานบนระบบดังกล่าว จะต้องเขียนด้วย Cocoa แต่ Adobe เพิ่งจะพัฒนาโปรแกรมเพื่อให้เข้ากับระบบปฏิบัติการ Mac OS X 5 เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ในรุ่น CS5

แรงจูงใจโดยทั่วไปของ Apple คือ ต้องการให้เป็นแพลตฟอร์มที่ก้าวหน้า เพื่อการพัฒนา และต้องการให้แพลตฟอร์มสามารถยืนหยัดได้ รวมถึงสร้าง app ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา อีกทั้งต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับแพลตฟอร์มให้น่า อัศจรรย์ และแข็งแกร่ง สนุกสนาน รวมถึงมีประโยชน์ต่อการการใช้งาน

บทสรุป


Flash ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยของ PC กับเมาส์ และ Flash นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงของ Adobe ในยุคนั้น ซึ่งทำให้เข้าใจว่า เพราะเหตุใด Adobe จึงพยายามผลักดันลงไปในคอมพิวเตอร์ แต่เมื่อมาถึงยุคของโทรศัพท์มือถือระบบสัมผัส และมาตรฐานเว็บระบบเปิด  ทำให้พื้นที่ของ Flash น้อยลง

ทั้งนี้ การแสดงเนื้อหาบนโทรศัพท์มือถือของ Apple ยังแสดงให้เห็นว่า Flash ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพื่อดูวิดีโอ หรือการใช้เว็บต่างๆ รวมถึงอีกกว่า 200,000 apps บน  App Store ที่เป็นอีกข้อพิสูจน์ ที่ว่า Flash ไม่จำเป็นสำหรับนักพัฒนาในการสรรสร้างงานกราฟิก รวมถึงเกม ด้วยเช่นกัน

และ เชื่อว่ามาตรฐานเปิด เช่น HTML5 จะไปได้สวยกับโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ ซึ่ง Apple เชื่อว่าบางที Adobe ควรมุ่งเน้นการสร้าง HTML5 สำหรับอนาคต และจะได้ลดวิจารณ์ Apple ในภายหลัง.

ข่าวจากไทยรัฐออนไลท์ วันที่ 12 พ.ค. 2553

09 พฤษภาคม 2553

“ไมโครซอฟท์” โต้ฮอตเมล์ไม่เคยเรียกเก็บเงิน

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เต้นรุดแจง เรื่องฟอร์เวิร์ดอีเมล์แอบอ้างเกี่ยวกับการปิดบัญชีอีเมล์ Hotmail ในประเทศไทย ที่กำลังกระจายไปยังผู้ใช้งาน...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่มีฟอร์เวิร์ดอีเมล์ฉบับหนึ่ง อ้างว่า เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการของไมโครซอฟท์เต็ม เนื่องจากมีผู้ใช้บริการ Hotmail ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ไมโครซอฟท์ จึงจะดำเนินการปิดการให้บริการสำหรับบัญชีอีเมล์ที่ไม่มีการใช้งาน และ เพื่อให้สามารถใช้บริการ Hotmail ต่อไปได้ ผู้ใช้งานจะต้องส่งต่ออีเมล์ฉบับนี้ไปให้ทุกคนในรายชื่อผู้ติดต่อของตนเอง

รายงาน ข่าวแจ้งว่า บริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศขอชี้แจงให้ผู้ใช้บริการทุกท่านทราบถึงนโยบายเกี่ยวกับบัญชีอีเมล์ ที่ไม่มีการใช้งาน ดังนี้

บัญชีอีเมล์ฟรีทุกบัญชีของ Hotmail จะจัดเป็นบัญชีอีเมล์ที่ไม่มีการใช้งานก็ต่อเมื่อ ไม่มีการลงชื่อเข้าใช้บริการมากกว่า 270 วัน หรือ ไม่มีการลงชื่อเข้าใช้บริการภายใน 10 วันแรก หลังจากลงทะเบียนใช้บริการ และหลังจากที่บัญชีอีเมล์ นั้นๆ กลายเป็นบัญชีอีเมล์ที่ไม่มีการใช้งาน ทุกข้อความ โฟล์เดอร์ และ รายชื่อผู้ติดต่อจะถูกลบ และทุกข้อความที่ส่งถึงอีเมล์นั้นจะได้รับข้อความตอบกลับว่าไม่สามารถส่งข้อ ความได้

ในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงการให้บริการหรือกฎระเบียบต่างๆ  ไมโครซอฟท์จะมีการแจ้งข้อมูลให้ผู้ใช้บริการได้ทราบผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเป็นทางการ  ดังนั้น เราขอแจ้งเตือนให้ทุกผู้ใช้บริการได้ทราบว่า ฟอร์เวิร์ดอีเมล์แอบอ้างดังกล่าวไม่ได้มาจากไมโครซอฟท์ และขอความร่วมมือไม่ส่งต่ออีเมล์ดังกล่าว เพื่อลดจำนวนอีเมล์ขยะ

ข่าวจากไทยรัฐออนไลท์ วันที่ 7 พ.ค. 2553